12/15/2555

[FIC}Stargazer

ฟิกนี้ได้ดัดแปลงมาจาก

                                                
         
                                                                                     

                                 Stargazer

                        
                ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน แสงไฟจากร้านค้าที่สะท้อนไปในดวงตาของผม ตัวผมที่รวบรวมความกล้าแล้วระเรงปลายนิ้วไปที่กีตาร์ตัวโปรด พลางคิดว่าถ้ามีใครสักคนมาตั้งใจฟังก็ดีสิ จากนั้นก็เริ่มร้องเพลงที่ฟังจนคุ้นหู ทันใดนั้น
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ก็หันมามองด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ

โป๊ก!!! มีกระป๋องนํ้าลอยมาจากกลุ่มคนเหล่านั้น กระแทกเข้าที่หัวผมอย่างจัง ทำให้ผมเสียหลักล้มลงไปกองกับกีตาร์ตัวโปรด
"หนวกหูโว้ย!!! ร้องยังงี้ไปไปร้องให้หมาฟังไป"
หลังจากเสียงนั้นหยุดลง กลับมีเสียงหัวเราะดังขึ้น สิ่งเดียวที่ผมมองเห็นในตอนนั้นคือ
    ดวงดาว
ดวงดาวที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวที่คอยแต่งแต้มสีสันให้ยามคํ่าคืน ดวงดาวที่นำทางความฝันไปสู่ความสำเร็จ ดวงดาวที่กำลังสมเพชตัวผมอยู่

เสียงโห่ร้องของแฟนคลับที่มากมาย เสียงกลองที่ดังขึ้นตามด้วยเสียงกีตาร์ ตามด้วย
เพลงที่คุ้นหู ตัวผมที่อยู่บนเวทีโบกมือให้ผู้คนเหล่านั้น

"เอ๊ะ" ผมฝันอยู่เหรอ? พอลืมตาขึ้นก็พบว่ามันเป็นแค่ฝัน...ที่ไม่มีวันเป็นจริง
พอคิดแบบนั้น นํ้าตาก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว
"น่าสมเพชจริงๆ" คำพูดด่าทอตัวเองดังก้องอยู่ในหัว
จากนั้นพระเจ้าก็ซํ้าเติมด้วยดวงดาวที่ร่วงลง จากท้องฟ้า สวยงามจนเหมือนเป็นเรื่องโกหก พระเจ้าคงคิดว่า"ล้มเลิกซะเถอะ"อยู่สินะ
ผมสลัดความท้อแท้ ทั้งหมดออกไป และลุกขึ้นยืน เดินไปบนทางเดินที่คุ้นเคย
ทันใดนั้นผมก็เหลือบไปเห็นร้านขายเครื่องดนตรีที่พึ่งเปิดใหม่เข้า
"แวะดู หน่อยละกัน"
แต่ผมกลับต้องหยุดอยู่กับที่เพราะสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาและน่ารักที่สุดเท่าที่ตาคู่นี้เคยมองเห็น
ผมทรงทวินเทลยาวถึงตาตุ่ม ใส่ชุดที่พร้อมจะไปแสดงคอนเสิร์ตได้ทุกเมื่อ
เธอกำลังหลับตาอยู่ราวกับว่ากำลังรอคนที่ปลุกจากการนิทรา
และคนที่ทำให้เธอตื่นก็คือผมเอง
"เหวอ!!!"เธอลืมตาตื่นขึ้นจนทำให้ผมตกใจล้มลง เธอทำหน้าแปลกใจแล้วยิ้มให้ผม
มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ จนผมสัมผัสได้ แม้มองผ่านกระจก
จากนั้นผมก็เหลือบไปเห็นป้าย
"Vocaloid01 Hatsune Miku หุ่นยนต์ที่จะขับขานบทเพลงอันไพเราะที่คุณเป็นคนแต่ง ซื้อวันนี้แถมฟรีชุดเมด!!!!!!!!!"
แต่พอเหลือบไปเห็นราคาแล้วดูเงินที่อยู่ในกระเป๋าตังแล้วก็สิ้นหวังตั้งแต่คิดแล้ว
"ไม่ยอมหรอก"ผมคิดแบบนั้น พลางหันซ้าย หันขวา เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีคนเห็น 
"เพล้งง!!!"
ผมเอากีตาร์ฟาดกระจกโดยใส่แรงให้น้อยที่สุดว่าเศษกระจกจะไม่กระเด็นไปบาดเธอ จากนั้นก็ไม่รอช้า จับมือเธอแล้ววิ่งออกไปอย่างสุดกำลัง มือของเธอมันช่าง
เย็นเฉียบดั่งนํ้าแข็ง แต่ก็อบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ยามเย็น
ผมวิ่งไปให้ไกลที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครตามมา
แต่ก็ลื่นล้มเพราะกระป๋องที่อยู่กับพื้น 
"โถ่เว้ย ทำไมวันนี้ตูเจอแต่กระป๋องฟะ"
"คิกคิก~" เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆจากด้านหลังผม ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะเสียจริง
"นี่"
"ปล่อยมือได้แล้ว" จู่ๆใบหน้าเธอก็แดงกํ่า
"อ๊ะ" ลืมสนิทผมจับมือเธออยู่นี่นา ขนาดล้มก็ยังไม่ปล่อย
เหมือนกับว่าถ้าปล่อยมือเธอจะจากผมไป ผมปล่อยมืออันนุ่มนวลของเธอออก
"ขอโทษ..ที่พาออกมานะ"ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่
เธอยิ้มแล้วพูดว่า"ไม่เป็นไรจ้ะ"
"ผะ...ผมชื่อโคตะนะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
"เช่นกันจ้ะ" เป็นหุ่นยนต์ที่เจ๋งจริงๆแฮะ แต่ส่วนลึกของจิตใจผมกลับบอกว่าเธอ
ไม่ใช่หุ่นยนต์
หลังจากนั้นก็เหมือนเวลาได้หยุดลง ผมคุยหลายๆเรื่องกับเธอ พออยู่ใกล้ๆเธอหัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทั้งทั้งที่เป็นหุ่นยนต์แต่เหมือนกลับว่ามีความรู้สึกนึกคิด เหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไป
"นี่...เธอน่ะเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนต์กันแน่"ผมหลุดปากถามไป
"ทั้งสองอย่างแหละ ชั้นถูกตั้งโปรแกรมให้เหมือนมนุษย์ที่สุดเท่าที่วิทยาการปัจจุบันจะทำได้"
"แต่สุดท้ายแล้ว"เธอทำหน้าเศร้าและหันมาทางผม
"ก็เพื่อความสุขของมนุษย์"ราวกับว่ามีโลกอีกใบหนึ่ง ซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ
โลกที่ทั้งเหงา ทั้งหนาวเหน็บ เหมือนต้องการบางสิ่งมาเติมเต็ม
"หมดเวลาสนุกแล้ว..ไอ้หนุ่ม"
ผมก็ต้องหยุดลงเมื่อพบกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เป็นร่างของผู้ใหญ่ท่าทางอาวุโสกับอีกคนที่ดูเป็นเหมือนพนักงานกินเงินเดือน
เค้ายื่นอะไรบางอย่างให้ผมดูมันคือ...ตราตำรวจ!!!!
"นี่ตำรวจ มาด้วยกันหน่อย"
ทะ...ทำไงดี ถึงจะคิดไว้แล้วก็เถอะ 
มาได้แค่นี้สินะ เรานี่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จเลยแฮะ
ผมยื่นมือไปให้ใส่กุญแจมือ แต่ทว่าแทนที่ผมจะโดนใส่กุญแจมือ 
เธอกลับยื่นมือมาจับมือผมไว้จากนั้นเธอก็พาผมวิ่ง เหมือนตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรก "ทะ...ทำไมล่ะ" เธอให้รอยยิ้มแทนคำตอบ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
เธอไม่อยากจากผมไปสินะ ถ้าผมโดนจับเธอก็คงถูกส่งกลับไปที่ตู้นั่นอีกครั้ง
ผมก็...เหมือนกัน ยังมีอะไรที่อยากทำด้วยกันอีกตั้งเยอะ ยังมีเรื่องที่อยากคุยอีกตั้งเยอะ
ถึงจะรู้ว่า สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องลาจากกัน แต่ขอแค่...ขอแค่อีกสักนิดก็ยังดี
ผมวิ่งไปให้เร็วที่สุดเพื่อความหวังเล็กๆ ยังยอมแพ้ไม่ได้ ถ้อยคำที่พูดกับตัวเอง
ซํ้าแล้ว ซํ้าเล่า
"ก๊อก...โอ๊ย" ขามัน..ผมล้มลงไปนั่งกับพื้น
ผมพยายามลุกขึ้นยืนแต่สิ่งที่เหนี่ยวรั้งตัวผมไว้คือ ความเจ็บปวดที่ข้อเท้า
"เป็นอะไรรึเปล่า"เธอถามด้วยความเป็นห่วง
"อืม มาได้แค่นี้แหละ"ผมยิ้มแล้วพูด
ในหัวมันว่างเปล่า ราวกับว่าโดนโขมยความนึกคิดไป แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำ
ผมหยิบกีตาร์ขึ้นมา แล้วเริ่มบรรเลงเพลง จากนั้นผมก็ร้องเพลงด้วยคามสมเพชตัวเอง
เสียงที่ตอบกลับมาก็ยังเหมือนเดิม
ผู้คนที่
เดินผ่านไปมา หันกลับมาแล้วมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันคือ...เสียงเพลงของเธอ มันช่างไพเราะจนเสียงร้องของผมเหมือนเสียงเห่าของสุนัข 
เธอหันมามองผมเหมือนกับว่าจะบอกอะไรบางอย่างออกมาด้วยดวงตาอันไร้เดียงสาของเธอ ผมไม่รอช้า ระเลงนิ้วไปที่กีตาร์เป็นเพลงเดียวกับที่เธอร้อง 
ดนตรีของผมกับเสียงของเธอรวมกันเป็นบทเพลง
ใช่แล้ว!!!เป็นบทเพลงของดวงดาวบนจักรวาลอันกว้างใหญ่
ผู้คนที่ทำสีหน้าไม่พอใจ เริ่มทยอยเข้ามาล้อมเป็นวงและเยอะขึ้น เยอะขึ้น ราวกับว่ากำลังจัดคอนเสิร์ตอยู่ ทุกคนโห่ร้องด้วยความสุขราวกับว่าจะไหลเข้าไปในบทเพลงของผมกับเธอ
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อน ผมคิดพลางดีดกีตาร์ไปด้วย
ในที่สุด...ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะต้องจากกันไป
แต่บทเพลงของผมกับเธอจะส่งผ่านไปสู่แผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและคงอยู่ไป
ตลอดกาล

                   ตัวผมที่โดนใส่กุญแจมือแล้วเดินไปกับตำรวจ ตำรวจคนนั้นมองตาผมราวกับจะบอกว่า "มีอะไรจะพูดรึเปล่า" ผมไม่รอช้า
หันกลับมามองเธอ...นํ้าตาเธอไหลออกมา คงถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้วล่ะแต่แทนที่ผมจะร้องไห้
ผมกลับยิ้ม
ออกมา
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ"
"อื้อ...เราต้องได้เจอกันอีกนะสักวันนึง"เธอยิ้มทั้งนํ้าตา
"ใช่...สักวันนึง วันที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว"


จบละจ้า นิยายเรื่องแรกที่เขียน ติชม(ด่าได้ตามสบายนะ)





                        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น